Monday, June 29, 2015

'ใบเหลียง' ราชินีแห่งผักพื้นบ้าน อร่อย มีประโยชน์!

'ใบเหลียง' ราชินีแห่งผักพื้นบ้าน อร่อย มีประโยชน์!
'ใบเหลียง' ราชินีแห่งผักพื้นบ้าน อร่อย มีประโยชน์! | เดลินิวส์
„ถ้าได้แวะเวียนลงไปทางภาคใต้ หลายต่อหลายคน คงเคยได้ชิม เมนูอร่อย ๆ ที่ปรุงจากพืชผักพื้นบ้านของชาวใต้ ที่มีนามว่า “ใบเหลียง” หรือ “ผักเหลียง” กัน ผู้เขียนก็เป็นอีกคนที่ทานผักได้น้อยชนิด ขมก็ไม่ทาน เหม็นเขียวก็ไม่ทาน แต่เจ้าใบเหลียงนี้ ได้ลองเพียงครั้งเดียว ที่จังหวัดระนอง ติดใจมาจนถึงทุกวันนี้เลยหล่ะคะ ไม่ว่าจะเป็น เมนูเด็ด “ใบเหลียงผัดไข่” หรือจะ “ใบเหลียงต้มกะปิ” ก็สุดแสนจะประทับใจกับเจ้าผักชื่อแปลก ที่หาไม่ได้ในภูมิภาคอื่นของไทย คุณผู้อ่านทราบไหมคะว่า เจ้าใบเหลียงนี้ มีประโยชน์ จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชินีแห่งผักพื้นบ้านกันเลยล่ะคะ” "ผักเหลียง" เป็นพืชยืนต้นที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1-2 เมตร มีใบเรียวยาว สามารถนำยอดของผักเหลียงมารับประทานได้ แต่ต้องทำให้สุกก่อน โดยนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดผักเหลียงใส่ไข่ แกงเลียงผักเหลียงใส่กุ้ง นำมาต้มกะทิ ใช้รองห่อหมก หรือลวกจิ้มน้ำพริก ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานมากของชาวภาคใต้อย่างกว้างขวาง ผักเหลียง จัดเป็นผักพื้นบ้านประเภทไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีมากในแถบจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และแทบทุกจังหวัดในภาคใต้ ถือว่าเป็นผักประจำถิ่นใต้เลยก็ได้ ว่ากันว่าถ้าจะกินผักเหลียงที่มีรสหวานอร่อยแล้วละก็ ต้องเป็นผักเหลียงที่ขึ้นในร่ม หรือไม่ก็ต้องหลังฤดูฝนไปแล้ว เพราะเป็นช่วงที่ผักเหลียงเริ่มแตกใบใหม่ แหล่งดั้งเดิมของผักเหลียงขึ้นอยู่ตามป่าเขา ที่ราบ บางครั้งก็เห็นขึ้นเคียงข้างกับต้นสะตอและต้นยาง ลักษณะของผักเหลียงที่อร่อย คนใต้เขาแนะนำให้เลือกใบที่เป็นเพสลาด คือไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป ใบจะออกรสมันและหวานนิดๆ และนอกจากความอร่อยแล้ว คนใต้บางคนบอกว่าหากผู้คนภาคอื่น ได้มีโอกาสลิ้มลองผักเหลียงมากขึ้น อาจจะหลงเสน่ห์ปักษ์ใต้เอาได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว "ผักเหลียง" มีการปลูกกันอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคใต้ ทางพังงา ภูเก็ต กระบี่ เรียกว่า "ผักเหมียง" สุราษฎร์ฯ เรียกว่า "ผักเขรียง" ส่วนทางชุมพร ระนอง ประจวบฯ เรียกว่า "ผักเหลียง" ต้นเหลียงมักไม่มีศัตรูพืชมากนัก ไม่โดนแมลงหรือเชื้อรารบกวน จึงมั่นใจได้ว่าเป็นผักปลอดจากสารพิษอย่างแน่นอน อันที่จริงผักจากไม้ยืนต้นส่วนใหญ่ ก็มักจะปลอดสารพิษอยู่แล้ว ชาวบ้านที่ชุมพรจะกำมาขาย กำละ 5 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับผักที่ไม่ปลอดสารพิษในกรุงเทพฯแล้ว ผักเหลียงทั้งปลอดภัย ทั้งอร่อยทั้งประหยัดกว่าหลายเท่าค่ะ เสียดายที่หาผักเหลียงในกรุงเทพฯได้ยาก ผักเหลียงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่ต้องถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ทั้งยังเป็นสารตั้งต้นสร้างวิตามินเออีกด้วย มีข้อมูลออกมาจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า ผักเหลียงร้อยกรัมหรือหนึ่งขีดไม่รวมก้าน ให้เบต้าแคโรทีน สูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล สูงกว่าผักบุ้งจีนสามเท่า มากกว่าผักบุ้งไทย 5-10 เท่า ผักเหลียงมีเบต้าแคโรทีนมากกว่าใบตำลึงเสียด้วยซ้ำ ผักที่ถือว่า เป็นสุดยอดของแหล่งเบต้าแคโรทีนคือแครอท ก็ไม่ได้มีเบต้าแคโรทีนมากไปกว่าผักเหลียงเลย เบต้าแคโรทีนเป็นสารสีส้ม แต่กลับมองไม่เห็นสีส้มในผักเหลียงก็เพราะมันถูกสีเขียว ของใบผักปกปิดไว้จนหมด กินผักเหลียงจึงให้ทั้งคุณค่าของเบต้าแคโรทีนและสารพฤกษเคมีจากผักใบ และผักเหลียงยังให้คุณค่าของแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยบำรุงกระดูกอีกด้วย อาหารยอดนิยมจากผักเหลียงที่ขึ้นชื่อของเมืองใต้คือ "ผักเหลียงต้มกะปิ" หรือที่รู้จักกันดีว่า "แกงเคย" กรรมวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงต้มน้ำให้เดือด ใส่กะปิ หอมแดงบุบ น้ำตาลทราย พอเครื่องเดือดทั่วกันก็ใส่ผักเหลียงได้เลย ส่วนใหญ่ใส่กันทั้งใบ ไม่เด็ดก้านใบทิ้ง เพราะก้านทำให้น้ำแกงมีรสหวาน พอใส่ผักเหลียงแล้วยกลงได้เลย เคี่ยวนานไปผักจะสลดหมด แกงหม้อนี้ใช้เกลือปรุงรสแทนน้ำปลา แต่อาจเสริมรสชาติความอร่อยด้วยการใส่กุ้งแห้งหรือกุ้งใหญ่ลงไปด้วยก็ได้ รสชาติเหมือนแกงเลียง แต่ต่างกันตรงที่เครื่องแกงของแกงเลียงจะนำมาโขลกก่อน แล้วจึงใส่ลงในหม้อแกง แต่แกงผักเหลียงนี้ไม่ต้องนำเครื่องแกงไปโขลก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำอาหารจานผัดที่แสนธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา อย่าง "ผักเหลียงผัดไข่" วิธีทำจะว่าไปแล้วก็เหมือนพวกหัวไชโป๊ผัดไข่ มะละกอสับผัดไข่ เพียงแต่เราเปลี่ยนเป็นใบเหลียงเท่านั้น รับประทานกันข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ แม้แต่ห่อหมกของคนใต้ยังนิยมใช้ใบเหลียงมารองก้นกระทง นอกเหนือไปจากใบโหระพา ผักกาดขาว และใบยออีกด้วย หรือจะนำมาต้มกับกะทิเป็น "ผักเหลียงต้มกะทิ" ก็ได้ หรือง่ายกว่านั่นก็คือผักเหลียงต้มน้ำปลา วิธีการแสนง่ายดายด้วยการต้มใบเหลียงในน้ำเดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาอย่างดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รสชาติหวานของผักเหลียงเข้ากับความเค็มอย่างกลมกล่อมของน้ำปลาเข้ากันได้เป็นอย่างดีเชียวค่ะ ถือเป็นอาหารพิเศษสำหรับเด็ก ๆ ที่ไม่ชอบทานผักได้อีกด้วยนะคะ ผักเหลียงจึงได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งผักพื้นบ้านด้วยคุณประโยชน์หลายประการเช่นนี้เอง ล่องใต้ครั้งใด อย่าลืมหาเมนูใบเหลียง หรือ ผักเหลียงมาทานกัน เพื่อเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกายกันนะคะ แถมยังเป็นผักที่มั่นใจว่าปลอดสารเคมีกำจัดศัตรูพืชอีกชนิดนึงเลยค่ะ“


ขอบคุณข้อมูลจาก : dailynews.co.th