“อุจจาระตกค้าง”
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่น เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด,
กินอาหารที่มีกากใยน้อย, มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
หรือ ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป
ไม่หมุนเวียน
หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7
โมงเช้าลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบนเวลาถ่ายจะ ถ่ายไม่หมด
แต่ไม่รู้ตัว ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร
เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่ออปลายทวาร
ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึหลัง 7 โมงเช้า ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ
บีบอุจจาระให้ขาดช่วงเวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุดแต่ความจริง
อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก แต่มันถูกดันกลับขึ้นไป
ไม่มาจ่อปลายทวารทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว
อุจจาระที่ค้างไว้นี้ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้
พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่ามันก็แซงหน้าไปก่อน
แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้
ก็เกาะติดแน่น
ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย
มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อยๆ
อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่างๆ ในกระเพาะ และกดทับกระดูกหลัง
ทำให้เกิดอาการมากมายเช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา
ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัวอ่อนเพลียนอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน
และอื่น ๆ
นั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่าเวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตก
ค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจ
การนำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหา
ว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น
แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้
สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในการเดินทางมาให้ตรวจ ก็แนะนำให้ถ่ายพยาธิเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้
สูตรที่ 1
เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1
แก้วทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา
ทานเป็นปกติได้ทุกวันหรือ 3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ
สูตรที่ 2
ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออก
สูตรที่ 3
ดื่มนมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ500
มิลลิลิตร) และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3
วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
หรือตามที่เห็นสมควร